วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วิธีการ Save File จาก Youtube

พอดีไปเจอเพลงถูกใจใน Youtube เข้าก็เลยหาวิธีโหลด...มาเจอบทความนี้เลยมาแบ่งให้เพื่อนอ่านจ๊ะ

คงไม่ต้องบอกละมั้ง ว่า Youtube เป็นเวปไซค์ที่เกี่ยวกับอะไร วิธีการ Save วิดิโอจาก Youtube ง่ายดังนี้ครับ
1. ไปที่ URL ของวิดิโอนั้น แล้วทำการคัดลอก (Copy)



2.หลังจากนั้นไปที่ เวปไซค์ http://keepvid.com/แล้ววาง ตำแหน่ง URL วิดิโอที่ คัดลอก (Copy) ทิ้งลงไปแล้วกด Download
หลังจากกด เราจะเจอลิงค์ Download Link แล้วเลือก หรือ คลิ๊กขวา เลือก Save Target As ได้ตามชอบใจ



ไฟล์ที่ใด้มาจะเป็น Video เพียวนะครับ ไม่มี โลโก้ Youtube ติดมาด้วย หลังจากโหลดเสร็จ
ให้เราเปลี่ยน ชื่อไฟล์ และนามสกุลตามชอบใจ เช่น get_video เปลี่ยนเป็น get_video.mpg หรือ get_video.wma

หนักๆเข้าหน่อย ก็ดึง วิดิโอ เขามาแล้ว ใส่โลโก้เราซะงั้น



ตัวอย่าง วิดิโอ Youtube แต่ใส่โลโก้เรา เราสามารถ แปลงเพื่อดูในมือถือก็ได้ หรือเอาลง เวปไซค์ก็ได้
โดย วิธีการดังกล่าว ผ่านการทดสอบแล้วว่า แม้ ประเทศ ไทย จะบล็อก Youtube ได้ แต่ไม่สามารถ บล็อค ไฟล์เหล่านี้ได้ นับเป็นทางออกที่ดีสำหรับ
คนทำเวปจริงๆ มีวิธีการดึง วิดิโอมาใช้ แบบไม่ต้องเซฟ เดียวคราวหลังมาเล่าให้ฟัง

Credit: www.bc46.com

Computer worm คืออะไร

http://kamarche99.files.wordpress.com/2009/03/computerworm.jpg


ถาม: อยากทราบว่า Computer worm คืออะไรคะ? มันเหมือนกับ"ไวรัส" หรือเปล่า? ตอนนี้มือใหม่อย่างหนูรู้สึกสับสนกับศัพท์แสงพวกนี้เหลือเกิน รบกวนช่วยแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ (มือใหม่หัดเล่นคอมพ์)


ตอบ: คำถามคลาสสิกที่ยังยินดีที่จะตอบอยู่เสมอ ข้อมูลจาก Wikipedia ได้ให้นิยามของ Computer worm หรือหนอนคอมพิวเตอร์ว่า เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำซ้ำตัวเองได้ (ฟังดูเหมือนไวรัสเลย นิ) โดยมันจะใช้เครือข่าย(อย่างเช่น อินเทอร์เน็ต)ในการส่งก็อปปี้ของตัวเองออกไปยังคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่ออยู่ ในเครือข่าย(nodes) และอาจจะกระทำการดังกล่าวได้โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องช่วยอะไรมันเลย ข้อมูลจากที่อื่นๆ บ้างก็บอกว่า มันคือสิ่งเลวร้ายที่อาศัยอยู่ในฮาร์ดดิสก์ของเรา แต่จะอย่างไรก็ตาม การที่ต้องเผชิญกับหนอนคอมพิวเตอร์ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีแต่อย่างใด
คราว นี้มาต่อด้วยคำถามที่ว่า หนอนคอมพิวเตอร์เหมือนไวรัส หรือเปล่า? ความจริงมันมีข้อแตกต่างตรงที่หนอนคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้ด้วยตัวมันเอง ไม่ต้องพึ่งพาใคร ในขณะที่ไวรัสจะอาละวาดออกแพร่กระจายเมื่อโปรแกรมที่ติดไวรัส (host program) ถูกเรียกขึ้นทำงาน ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะเหมาว่า พวกมันเหมือนกัน โดยเฉพาะการสร้างความเดือดร้อน
สำหรับหนอนคอมพิวเตอร์ที่สร้างชื่อให้ ทั่วโลกรู้จักพวกมันในวงกว้างก็คือ Melissa ที่ปรากฎตัวในปี 1999 ตามด้วย Sobig ในป 2003 และ Mydoom ที่ออกอาละวาดในปี 2004 ซึ่งทุกตัวใช้พาหะในการแพร่คือ email เมื่อใครเปิดไฟล์แนบทีมีหนอนพวกนี้อยู่ การทำลายล้างและแพร่กระจายเผ่าพันธุ์อันชั่วร้ายของมันก็จะเริ่มต้นจากตรง นั้นทันที
ในกรณีที่เป็นหนอนคอมพิวเตอร์ที่แพร่กระจายผ่านช่องโหว่ ของบริการในเครือข่าย สามารถป้องกันได้โดยอัพเดต และติดตั้งแพตช์ที่ออกโดยบริษัทผู้ผลิตระบบปฏิบัติการ และแอพพลิเคชัน อย่างเช่น หนอน SQL Slammer และ Blaster เป็นต้น
ส่วนขั้นตอนการหลีก เลี่ยงหนอนต่างๆ ทีมากับอีเมล์ที่ง่ายที่สุดก็คือ การไม่เปิดไฟล์แนบที่มาพร้อมกับอีเมล์ที่เราไม่ไว้ใจ หรือมาจากผู้ส่งที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งการแพร่กระจายผ่านไฟล์แนบอีเมล์ของหนอนไม่จำเป็นต้องเป็นไฟล์ที่รันได้ อย่าง .EXE เท่านั้น แต่อาจจะเป็นไฟล์เอกสาร .DOC หรือพวกสคริปท์และมาโครต่างๆ ก็ได้





ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก...

เปิดเพลงผ่าน winamp แล้วมีเนื้อร้องขึ้นมาให้ร้องเพลงตามไปด้วย

เวลาอยากร้องเพลงแล้วไม่มีคาราโอเกะให้ร้อง... winamp ช่วยได้ครรับ แต่ต้องลงโปรแกรมเสิรมก่อนและเวลาเปิดเพลงต้องต่ออินเตอร์เน็ตด้วยนะ...ถ้า ไม่มีเน็ตเนื้อร้องก็จะไม่ขึ้น

ขึ้นแรกก็โหลดโปรแกรมนี้ไปเลยตามลิ้งค์ด้านล่างเลย

http://www.lyricsplugin.com/

เสร็จแล้วก็ติดตั้ง พอติดตั้งเสร็จก็ลองเปิด winamp ตามปกตินี่หละ แล้วมันก็จะมีป๊อบอัพเนื้อร้องขึ้นมาให้อัตโนมัติครับ

ถ้าหากไม่มีป๊อบอัพขึ้นมาก็ให้ไปที่ View>lyrics



แค่นี้เราก็สามารถฟังเพลงไปด้วย ดูเนื้อเพลงหรือจะร้องตามไปด้วยก็ได้ครับ ^_^

10 อันตรายทลายโลก จากเทคโนโลยี (มติชน)

เทคโนโลยี



โดย ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์ pairat@matichon.co.th 

          เทคโนโลยีมีคุณประโยชน์ก็ต้องมีอันตรายอยู่ด้วยอย่างแน่นอน แต่ผมไม่คิดว่าจะมีใครนั่งใคร่ครวญถึงอันตรายของเทคโนโลยีได้ถี่ถ้วน และเป็นลบได้มากเท่ากับกระทาชายนายริชาร์ด ฮอร์น มาก่อน

          ริชาร์ด ฮอร์น เป็นนักเขียนชาวอังกฤษครับ หนังสือเล่มล่าสุดของแกชื่อ "เอ อิส ฟอร์ อาร์มาเกดดอน" ที่รวบรวมเอาเรื่องอันตราย ๆ ที่ "อาจ" บังเกิดขึ้นจากพัฒนาการทางเทคโนโลยีไว้มากมาย ผมเลือกเอามาเล่าสู่กันฟังแค่ 10 อย่าง

          เอาแบบที่เป็นอันตรายชนิดสามารถทำร้ายหรือทำลายโลกได้ทั้งโลกได้นั่นแหละ

1.แฮกเกอร์

          อย่างที่เรารู้กัน แฮกเกอร์มีทั้งดีทั้งร้าย ทั้งพวก "ไวท์ แฮท" แล้วก็พวก "แบล๊ค แฮท" เจ้าพวกกลุ่มหลังนี่แหละครับที่ ริชาร์ด ฮอร์น บอกว่า อันตรายสุดสุด เคยอวดฝีมือในการเจาะระบบคอมพ์ของหน่วยงานอย่างเพนตากอน, ระบบเตือนภัยด้านกลาโหมแห่งชาติ, นาซา, แบงก์ ออฟ อเมริกา, ซิตี้กรุ๊ป, ฐานทัพอากาศกริฟฟิธ, สถาบันวิจัยนิวเคลียร์แห่งชาติเกาหลี มาแล้ว และอาจจะทำได้อีกในอนาคต น่าสนใจนะครับ ที่บริษัทที่โดนเจาะระบบบ่อยที่สุดก็คือ ไมโครซอฟท์ นั่นเอง

          หายนะระดับทลายโลกอาจมาเยือนได้ ถ้าพวกนี้เจาะเข้าไปในระบบกลาโหมของประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในครอบ ครอง จนอาจทำให้เกิดความเข้าใจไขว้เขวว่ามีการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ขึ้น หลังจากนั้น ทั้งโลกก็อาจตกอยู่ในสงครามเทอร์โมนิวเคลียร์ได้ง่าย ๆ

2.ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ)

          นักวิทยาศาสตร์และนักค้นคว้าวิจัยของหลายประเทศพยายามอย่างมากที่จะพัฒนา คอมพิวเตอร์ให้ "คิด" เองได้ ริชาร์ด ฮอร์น แสดงความกังขาเอาไว้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นถ้ามัน "คิด" และ "ตระหนักรู้ในการมีอยู่" ของตัวมัน และระบบของมันที่ถักทอเป็นเครือข่ายโยงใยไปทั่วโลก ความกระหายใคร่รู้ไม่รู้จักจบสิ้นของมัน อาจทำให้ทั้งประวัติศาสตร์และอนาคตของทั้งคนและเครื่องจักรตกอยู่ในกำมือของ คอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าหากมันรับรู้ว่ามนุษย์เราคิดต่อมันอย่างไรและเป็นปฏิปักษ์กับพวกมันแค่ ไหน (เป็นนิยายไปหน่อยไหมเนี่ย?)

3.ไวรัสจากห้องทดลอง

          อันนี้ผมค่อนข้างเห็นด้วยเลยทีเดียว ริชาร์ด ฮอร์น บอกว่า ต้องมีสักวันที่นักวิจัยในห้องทดลองเพื่อหาหนทางต่อต้านหรือฆ่าไวรัส ทำอะไรสักอย่างผิดพลาดโดยอุบัติเหตุ ส่งผลให้ไวรัสในห้องทดลองออกมาอาละวาดในสิ่งแวดล้อมทั่วไป

          ที่น่าสนใจก็คือ ตอนนี้นักวิจัยกำลังทดลองพัฒนาไวรัสขึ้นมากลุ่มหนึ่งเพื่อให้ทำหน้าที่ "รักษา" (ด้วยการ "ทำลาย") เซลล์มะเร็งในร่างกายมนุษย์ คำถามที่เกิดขึ้นในเวลานี้ก็คือว่า เมื่อมันทำหน้าที่ของมัน (กินเซลล์มะเร็ง) เสร็จแล้ว ทำอย่างไรถึงจะ "หยุด" มันได้?

 4.สเต็มเซลล์

          หรือที่เราเรียกกันว่า เซลล์ต้นกำเนิด ซึ่งเป็นเทคโนโลยีชีวภาพที่โด่งดังมากที่สุดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เป้าหมายใน "อุดมคติ" ก็คือว่า คนเราสามารถบังคับเซลล์ต้นกำเนิดให้พัฒนาไปเป็นอวัยวะอะไรก็ได้ เพื่อนำมาใช้ "ทดแทน" ของเดิมที่พิกลพิการเสียหาย ข้อกังขาของ ริชาร์ด ฮอร์น ก็คือ ถ้าเกิดเราไม่คิด "ทดแทน" แต่อยาก "เพิ่ม" ล่ะ? เป็นไปได้หรือไม่ที่ว่า มนุษย์ในยุคนี้จะสูญสิ้นไปกลายเป็น มนุษย์ 10 หน้า 20 แขนในยุคหน้า?

 5.หุ่นยนต์

          ลองนึกถึงหุ่นยนต์กบฏในหนัง "ไอ-โรบ็อท" แล้วกันครับ ริชาร์ด ฮอร์น คิดคล้าย ๆ อย่างนั้น แต่เขาบอกด้วยว่า คงอีกนานที่หุ่นจะ "คิด" เองได้ และก้าวข้ามข้อจำกัดเรื่องพลังงานที่ตอนนี้ยังเป็น แบตเตอรี่อยู่ได้

 6.อินเทอร์เน็ต

          น่าคิดนะครับที่ ริชาร์ด ฮอร์น เขาบอกว่า อินเอร์เน็ตนำอันตรายหลาย ๆ อย่างมาให้คนเรามากกว่าที่หลายคนตระหนัก ตั้งแต่การถูกขโมยอัตลักษณ์ ไปจนถึงการถูกหลอกลวงเสียทั้งเงินเสียทั้งชีวิต แต่หายนะจริง ๆ ในความคิดของเขาก็คือ โลกนี้จะเป็นอย่างไรถ้าหากมี "ไอ้โรคจิต" คนไหนสักคนยึดเอาระบบอินเทอร์เน็ตทั้งระบบไว้ได้?

 7.อาวุธนิวเคลียร์

          อันนี้เห็นด้วย 100 เปอร์เซ็นต์ แต่อยากเพิ่มเติมว่า โลกเราเคยเฉียด ๆ ใกล้สงครามนิวเคลียร์มาแล้ว 3 ครั้ง (หลังการระเบิดที่ฮิโรชิม่าและนางาซากิ) ครั้งแรกเมื่อปี 1962 ที่เรียกกันว่า วิกฤตคิวบา ครั้งที่ 2 เมื่อปี 1983 ที่ระบบเตือนภัยล่วงหน้าของสหภาพโซเวียตตรวจจับกลุ่มเมฆรูปดอกเห็ดได้ แล้วเข้าใจผิดว่าเป็นควันจากระเบิดนิวเคลียร์ หนสุดท้ายเกิดในปีเดียวกัน เมื่อโซเวียตเข้าใจผิดว่าการซ้อมรบของนาโต้คือการโจมตีจริง ๆ

 8.คอมพิวเตอร์ เมลท์ดาวน์

          ถ้าระบบคอมพิวเตอร์ทั้งโลกหรือครึ่งโลกล่มสลายลงเอง โดยไม่ใช่ความผิดของเรา อะไรจะเกิดขึ้นตามมา? นั่นแหละคือสิ่งที่ริชาร์ดเรียกว่า "เมลท์ดาวน์" เขาบอกว่า ในทางวิทยาศาสตร์นั้นเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะจากสาเหตุของการเกิดไฟกระชากแรงมาก ๆ หรือเกิดจาก "พายุสุริยะ" ปรากฏการณ์ธรรมชาติของดวงอาทิตย์ แต่ต้องขนาดใหญ่มากกว่าที่เคยเกิดอยู่บ่อย ๆ มากครับ

 9.โคลนนิ่ง

          คงเป็นเรื่องหายนะของโลกได้อย่างแน่นอน ถ้าหากมีผู้นำเอาเทคโนโลยีโคลนนิ่งไปใช้ในทางที่ผิด หรือในทางด้านการทหาร

 10.นาโนบ็อท

          นักวิทยาศาสตร์พยายามใช้ประโยชน์จากนาโนเทคโนโลยี เพื่อให้ทำในสิ่งที่เหลือเชื่อได้ในทางการแพทย์และอื่น ๆ อย่างเช่นการสร้างหุ่นยนต์นาโนขึ้นมาให้สามารถ "จำลอง" ตัวเองขึ้นมาใหม่ได้ เพื่อทำหน้าที่รักษาอาการเจ็บป่วยในร่างกายที่แพทย์เข้าไม่ถึง

          ริชาร์ด ฮอร์น บอกว่า หายนะอาจมาเยือนโลกได้ในอนาคตหากมันไม่ยอมหยุดสร้างตัวเอง กองทัพนาโนบ็อทที่พร้อมจะกลืนกินทุกอย่างที่ขวางหน้าจะกลืนกินโลกทั้งโลกได้ เลย

          ไม่รู้ว่าใน 10 อย่างนี้จะมีคนเห็นด้วยมากน้อยแค่ไหน แต่อย่างน้อยที่สุด ข้อสังเกตของ ริชาร์ด ฮอร์น บอกเราได้อย่างหนึ่งว่า ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ การใช้เทคโนโลยีนั้นจำเป็นต้องพอดีและมีสติยั้งคิด


ขอบคุณข้อมูลจาก
Kapook.com กระปุก Logo